ยุคเซลฟีเชี่ยล

ภาพประกอบบทความเรื่อง "ยุคโซฟีเชียล" ที่ Makamstories.com
ภาพประกอบบทความเรื่อง “ยุคโซฟีเชียล” ที่ Makamstories.com

มาจนถึงตอนนี้ใครที่หลงใหลการถ่ายรูปรวมทั้งสิงห์โซเชี่ยลทั้งหลาย คงไม่มีใครไม่รู้จัก กิริยาคำว่า “เซลฟี่” แล้วมันคืออะไร? พูดง่าย ๆ แบบไม่อิงวิชาการอะไรเลยก็คือ การถ่ายรูปตัวเองนั้นแหละ

และไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ว่าในโลกนี้ก็ยังมีคนอื่นอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังเซลฟี่ไม่เป็น หนึ่งในนั้นก็คือฉันนี้แหละ อย่าว่าแต่เซลฟี่เลย แค่มีคนอื่นมายืนถ่ายรูปให้ฉันยังรู้สึกอายม้วนอยู่มาก เขิลแบบที่ไม่กล้าบอกใคร ทำอะไรไม่ถูกจริง ๆ แต่นั้นไม่ใช่ประเด็น เพราะสิ่งที่ฉันอยากจะบอกก็คือ ศิลปะอีกหนึ่งแขนงที่น่าจะถูกบรรจุลงไปในวิชาประวัติศาสตร์ศิลป์ก็คือ “ยุคของการเซลฟี่” หรือ “เซลฟีเชียล” ตะหาก

ลองคิดดูหากเราไล่เรียงกันมาคงไม่มียุคใดที่มนุษย์จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากใบหน้าของตัวเองได้มากมายขนาดนี้ หากนับมาตั้งแต่ยุคบุกเบิกยุคเริ่มต้นของการวาดภาพ มนุษย์ยังคงวาดภาพหน้าตัวเองได้อย่างยากลำบาก ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยที่ผ่านมา จนเมื่อถึงยุคที่เราเริ่มรู้จักกับกล้องถ่ายรูป ที่มีระบบสามารถตั้งการหน่วงเวลาในการกดชัตเตอร์ได้ (อันนี้ไม่นับรวมกับที่ไหว้วานให้คนอื่นมายืนกดชัตเตอร์ให้นะ) กดหรือถือสายชัตเตอร์ค้างไว้ รอหน่วงเวลา แล้วรีบวิ่งไปยังหน้ากล้อง ลักษณะนี้มันเริ่มมีมาตั้งแต่ยุคกล้องฟิล์มแล้ว

วิวัฒนาการต่อมาเมื่อเวลาผ่าน เราได้พบกับ “ตู้สติ๊กเกอร์” 16 แอคฯ หรือจะกี่แอคก็ตามแต่ ยุคนี้แหละที่ถือเป็นจุดกำเนิดของการเซลฟี่อย่างแท้จริง ยืนถ่ายรูปตัวเองหน้ากล้องโดยใช้หลักการคล้ายกันกับให้คนช่วยถ่ายรูปให้ แต่เปลี่ยนจากคนมาเป็นระบบโปรแกรมที่ถูกฝังมากับกล้องหรือในคอมพิวเตอร์เท่านั้น และเมื่อถ่ายเสร็จก็ทำการปริ้นสามารถนำไปแปะติดหรือจะเก็บไว้เป็นอัลบั้มก็สะดวกดี

ยุครุ่งเรืองของศิลปะแห่งการเซลฟี่ ก็คือยุคที่ที่ระบบกล้องที่ถูกพัฒนาให้เล็กลงและนำมาติดให้อุปกรณ์สื่อสารอย่างมือถือที่ตอนนี้ไม่เชื่อก็ต้องชื่อว่าทุกคนต้องมี!

ยุคปัจจุบันนี้เป็นอะไรที่ง่าย ง่ายไปซะหมด ง่ายกว่ายุคตู้สติ๊กเกอร์ ถือว่าเป็นยุครุ่งเรืองของเหล่าเซลฟีเชียลโดยแท้ ที่ไม่เพียงแค่เป็นอิสระจากการถูกจำกัดจำนวนท่าทางแอคชั่นในการถ่ายรูปเท่านั้น แต่ยุคนี้ทุกคนมีกล้องเป็นของตัวเอง สามารถงัดออกมาถ่ายตัวเอง หรือคนอื่นได้อย่ายง่ายดาย ไม่เสียเวลาทำมาหากิน สะดวก และสามารถอวดโฉมตัวเอง อวดผลงานศิลปะเซลฟี่ได้รวดเร็วมากขึ้นผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กต่าง ๆ มากมาย

เมื่อรู้แบบนี้แล้ว คงปฎิเสธไม่ได้ว่าการเซลฟี่มันคือ ยุคประวัติศาสตร์ทางศิลปะยุคหนึ่ง ที่สมควรถูกบรรจุเอาไว้ในบันทึกหลักฐานของช่วงประวัติศาสตร์ศิลป์ เพราะความเจริญรุ่งเรืองของศิลปะแขนงนี้มันเจริญรุ่งเรืองและพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนานจริง ๆ ถึงแม้ว่า ณ เวลานี้ก็ตาม ศิลปะแขนงนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะถึงยุคอิ่มตัวซักที
ในอนาคตฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าศิลปะ “ยุคเซลฟีเชี่ยล” จะถึงการล้มสลายเมื่อไหร่ แต่ในความคิดของฉัน ฉันว่ายาก เราคงได้เห็นศิลปะการเซลฟี่ไปนานอีกเป็นร้อย ๆ ปีแน่นอนฉันขอฟันธง!