ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่าบทความนี้อาจจะไม่เป็นความจริงเสมอไป สำหรับฟรีแลนซ์คนอื่น ๆ ซึ่งข้อมูลที่เขียนในบทความนี้เป็นข้อมูลที่มาจากประสบการณ์ตรงของผมเองในการทำอาชีพฟรีแลนซ์เท่านั้น และหลาย ๆ อย่างของความเข้าใจผิดมักจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ กับตัวผมเอง จริง ๆ ผมก็ค่อนข้างที่จะมั่นใจเอามาก ๆ อยู่เหมือนกันนะครับ
ว่าปัญหาที่เกิดความเข้าใจผิดที่ผมจะเสนอนี้มันต้องมีบางแหละที่เกิดกับฟรีแลนซ์คนอื่น ๆ นอกซะจากว่า ฟรีแลนซ์คนนั้นจะเป็นอะไรที่ โคตรทุ่มเทกับงานแบบไม่หวั่นถึงเวลาและสุขภาพจิตสุขภาพใจของตัวเองที่จะให้บริการลูกค้าได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เปรียบเสมือนเครื่องจักร หรือโคทึกที่ทนได้ทุกสภาวะอากาศไม่พักผ่อนและไม่หัวเสีย เท่าที่ผมเจอบ่อย ๆ ก็มักจะมีอยู่ 5 อย่างที่ลูกค้ามักจะเข้าใจผิด คิวว่า… ฟรีแลนซ์ต้องเป็นอย่างนั้น ฟรีแลนซ์ต้องเป็นอย่างนี้ บลา ๆๆ ดังนี้
1.ขึ้นชื่อว่าฟรีแลนซ์ ต้องฟรี! ซินะ
คาดว่าแค่ข้อแรกนี้คนทำงานอิสระคงต้องได้เจอกันทุกคน มันบ่งบอกมาในเรื่องของการแข่งขันกันเองของคนทำงานฟรีแลนซ์อย่างเราอยู่เหมือนกันนะ เราจะสามารถเห็นการทำงานในราคาถูกได้จากการประกาศในอินเตอร์เน็ต ออกแบบโลโก้ เริ่มต้นแค่ 100 บาทยังมี วาดภาพเหมือนแค่ 20-30 บาทก็ยังมี! (ไม่รู้ว่าทำไปได้ยังไงเอากำรี่กำไรมาจากไหนกัน?) จุดนี้อันที่จริงจะโทษแต่ทางลูกค้าอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะว่าลูกค้าเขาก็ต้องมีการสอบราคาอยู่แล้วหลาย ๆ เจ้า และก็ต้องเป็นฟรีแลนซ์เจ้าที่ถูกใจที่สุดนั้นแหละที่ได้รับงานนั้นไปทำ
แต่ปัญหามันไม่ได้จบลงที่ตรงนี้ครับ ปัญหาคือ การต่อราคาที่พร่ำเพรื่อ แม้กระทั้งการขอของแถม ที่ยังมีอยู่ประจำเสมอมา ส่วนตัวผมเอง ก็เคยลดราคาให้กับลูกค้าเหมือนกัน และก็มีแถมทำฟรีด้วยก็ยังมี แต่ผมจะเลือกให้ความพิเศษนี้เฉพาะกับลูกค้าที่ใช้บริการกันมาอย่างน้อย 2 ครั้งขึ้นไป ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ลูกค้าบางคนต่อราคาเป็นผักเป็นปลา เหมือนอยากจะได้ฟรี ลูกค้าบางคนก็เอาราคาฟรีแลนซ์คนอื่น ๆ มาเปรียบเทียบ ซึ่งลูกค้ามีสิทธิ์ครับ แต่เราฟรีแลนซ์ก็มีสิทธิ์ที่จะปฎิเสธงานหรือไม่สามารถลดราคาให้ได้หรือแถมให้ฟรีได้เช่นกัน เพราะทุกอย่างมันมีต้นทุนเสมอ
2.ฟรีแลนซ์ก็มีชั่วโมงทำงานและหยุดพักนะ
คงไม่มีฟรีแลนซ์คนไหนที่ทุ่มเทถวายชีวิตในการทำงานจนสุดลมหายใจ หรือทุ่มเอาเวลาทุกวินาทีของชีวิตให้หมดไปกับการทำตามคำขอของลูกค้าแน่นอนครับ (เอ๊ะ! หรือว่าจะมี!) การทำงานย่อมมีเหนื่อยล้า ย่อมมีพักผ่อน และฟรีแลนซ์ก็สามารถป่วยได้เหมือนกันนะ (อย่าไปบ้าดูตามหนังมันมาก หนังมันก็โม้ไปตามประสา) บ้าไปแล้วถ้าจะไม่ให้ฟรีแลนซ์เจ็บป่วยหรือต้องมาคอยรับคำสั่งจากลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง มันเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะฉะนั้นก่อนการจ้างงานกับฟรีแลนซ์คนไหน ก็ควรที่จะรับทราบถึงช่วงเวลาของเขาด้วยก็จะดีไม่น้อย เพราะไม่งั้นงานของคุณลูกค้าเองก็อาจจะต้องมาชะงักเอาได้เช่นกัน แบบไม่รู้ตัว ส่วนตัวผมเองก็เคยป่วย และเคยค้างงานลูกค้าเหมือนกัน หลายครั้งที่ส่งงานให้ลูกค้าแบบล่าช้า หลายครั้งก็ต้องเบี้ยวงานและคืนเงินไปเช่นกันก็ยังมี
3.อย่าคิดว่าฟรีแลนซ์กระจอกงอกง่อย ไร้ศักดิ์ศรี
คุณรู้ไหม? ว่าฟรีแลนซ์บางคนทำงานเป็นฟรีแลนซ์แค่เป็นส่วนหนึ่งของ “งานอดิเรก” ก็มี! เรื่องนี้เป็นเรื่องของทัศนคติแย่ ๆ ของลูกค้าบางกลุ่ม บางคน เท่านั้น ลูกค้าหลายคนอาจจะมีธุรกิจเป็นล้าน ๆ ร้อนล้านพันล้านก็ว่ากันไป แต่มันไม่ได้บ่งบอกว่าคุณจะสามารถใช้ความเลิศเลอของคุณตรงนี้เพื่อใช้ถ้อยคำพูดจาแบบมะนาวไม่มีน้ำ หรือทำชักสีหน้ามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของใครต่อใครได้ ฟรีแลนซ์บางคน เขาก็อาจจะทำงานตรงนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของงานอดิเรกก็มี แต่แท้ที่จริง ฟรีแลนซ์คนนั้นเขาอาจจะมีธุรกิจอย่างอื่นที่เป็นงานหลัก ทำงานทำเงินได้มากกว่าลูกค้าที่โอ้อวดตนก็มี เพราะฉะนั้นคุณลูกค้าก็น่าจะเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างก็ดีครับ เรื่องที่เป็นตรรกะของส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องนำเอามาแสดงให้เห็นหรือพูดออกมา มันน่าจะทำให้เราทำงานด้วยกันราบรื่นมากกว่านะผมว่า! การทักทายทางแชท เริ่มต้นด้วย “สวัสดี” ปิดท้ายด้วยคำ “ขอบคุณ” มันก็คือมารยาทพื้นฐานที่ดีที่เราพึงจะมีในการทำงานไม่ใช่เหรอครับ
4.ชั่วโมงทำงานของคุณ อาจจะไม่ใช่ชั่วโมงทำงานของฟรีแลนซ์ก็ได้
ตี 3 ลูกค้าไลน์ หรือโทรมาเพื่อจะคุยงาน! พระเจ้า!! มันบ้าไปแล้ว!! คุณจะบ้างานก็คงต้องบ้าไปคนเดียวเหอะ! เอาไว้คุยกันตอนเช้า ๆ เวลาที่ชาวบ้านชาวช่องเขาทำงานปกติแบบมนุษย์ ก็คงไม่ตายมั้งครับ! เราฟรีแลนซ์ก็เข้าใจนะว่าคุณลูกค้าอาจจะงานยุ่งในช่วงเวลาทำงาน แต่คุณลูกค้าต้องระลึกไว้เสมอนะครับว่า “คนทุกคนไม่ได้มีวิถีชีวิตแบบเดียวกับคุณ!” เพราะฉะนั้นในบางกรณีถ้ามันไม่คอขาดบาดตาย คุยกันตอนกลางวัน ช่วงเวลาทำงานจะดีที่สุดครับ เวลาของคนเรามีเท่ากัน แต่กิจวัตรของมนุษย์เราอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้นะ ฟรีแลนซ์อย่างเราก็ไม่ได้บ้าทำงานเป็นบ้าเป็นหลังจนไม่หลับไม่นอนหรอกครับ เราก็คือคนธรรมดานี้แหละที่มีเวลาทำงาน และเวลาพักอยู่ ซึ่งไอ้เวลาทำงานกับเวลาพักเนี้ย มันก็คงอาจจะต่างกันออกไปบ้างในของแต่ละคน บางคนทำงานงานดึก แต่นอนตอนเช้า บางคนทำงานตามเวลาปกติ 8-17 น. กลางคืนคือพักผ่อนก็มีเยอะเหมือนกันครับ
อีกกรณีที่ผมเข้าใจนะ คือกรณีของลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ แน่นอนครับว่าช่วงเวลาการทำงานมันไม่ตรงกันอยู่แล้ว บ้านเราอาจจะเช้า แต่บ้านเขาประเทศที่เขาอยู่อยากจะตีหนึ่งตีสองก็ได้ ซึ่งตรงนี้ทางฟรีแลนซ์และตัวลูกค้าเองจำเป็นมาก ๆ ที่จะต้องหาช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อทำงานร่วมกันให้ได้ครับ
5.ฟรีแลนซ์ไม่ได้ “เรียลไทม์” เสมอไป
“แก้งานให้หน่อย ขอตอนนี้ได้เลยมั้ย?” คำพูดสุดฮิตของลูกค้าที่ผมได้ยินเสมอ และไอ้ผมก็ประหลาดคนที่แทบจะไม่เคยปฎิเสธเลย นอกจากติดธุระอย่างอื่นจริง ๆ ลูกค้าต้องทำความเข้าใจนะครับ ว่าในบางครั้ง เราก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขงานแบบเรียลไทม์ เสมือนหนึ่งว่าคุณลูกค้ากำลังมายืนอยู่หลังคอมฯ ของฟรีแลนซ์แล้วชี้ไม้ชี้มือมาบอกว่าให้ปรับ ๆ ๆ ตรงนั้นตรงนี้ได้ อย่างกับว่าเรากำลังอยู่ในสถานที่เดียวกัน! ความเรียลไทม์ตรงนี้ ในบางกรณีเรามีให้ได้ครับ ซึ่งนั้นหมายความว่าฟรีแลนซ์กำลังทำในสิ่งเดียวกันและจดจ่ออยู่กับคุณลูกค้าเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แต่ในบางกรณีก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน อันนี้ลูกค้าต้องเข้าใจนะครับ
6.ฟรีแลนซ์ไม่ใช่ลูกจ้างบริษัทหรือพนักงานหรือเลขาส่วนตัวของคุณนะ
ลูกค้าบอก “ช่วยส่งไฟล์งานไปให้อีเมล์ xxx นี้ให้หน่อยครับ” ทั้ง ๆ ที่เพิ่งส่งไฟล์งานไปให้คุณลูกค้าไว้เรียบร้อยแล้ว ทำไมครับ! คุณลูกค้าแค่การกด ฟอร์เวิร์ดอีเมล์ ทำไมเป็นหรือครับ! มันง่ายกว่าการโทรมาหรือพิมพ์แชทมาบอกให้ฟรีแลนซ์ช่วยทำซะอีก
ลูกค้าบอก “เวลา xxx ช่วยแจ้งเตือนผมด้วยนะเรื่อง xxx” นี้มันคำสั่งบอกกับเลขาชัด ๆ ทำไมคุณไม่จดบันทึก หรือทำการแจ้งเตือนเองล่ะครับ มันเกี่ยวอะไรกับโผมมมม!!!
สองประโยคนี้แค่เด็ก ๆ นะครับ มีประโยคคำสั่งแบบเด็ด ๆ กว่านี้อีกเพียบ ที่ผมเจอ ซึ่งทุกประโยคมันล้วนแล้วแต่บ่งบอกถึงการสั่ง และทำให้สกิดใจซะเหลือเกินว่า เอ๊ะ!! นี้ฉันกำลังเป็นเลขาหรือพนักงานประจำของคุณอยู่ใช่มั้ยนะ? เราทราบดีครับว่าการช่วยเหลือตามคำสั่ง เช่น ช่วยส่งอีเมล์แทนให้ทีมันเป็นเรื่องง่าย ๆ และแน่นอนทุกครั้งผมเองก็ไม่เคยปฎิเสธนะที่จะส่งให้ แต่หลายครั้งมันก็ทำให้เราเอะใจจริง ๆ ว่าทำไมนะลูกค้าเขาถึงไม่ทำเอง แค่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ หรือว่าเขาจะเข้าใจผิดจริง ๆ ว่าการจ้างงานเป็นจ็อบ ๆ กับฟรีแลนซ์แล้วมันจะทำให้เขามีสิทธิ์ที่จะใช้งานฟรีแลนซ์ได้ในทุก ๆ กรณีเหมือนกับเป็นพนักงานประจำ หรือเลขาส่วนตัวของเขา
7.ฟรีแลนซ์ไม่ได้มีคุณเป็นลูกค้าแค่คนเดียว
แน่นอนครับว่าคุณไม่ใช่ลูกค้าคนเดียว และเราไม่ได้มีคุณเป็นลูกค้าแค่คนเดียวในช่วงเวลานั้น ๆ ภายใน 1 วัน ฟรีแลนซ์บางคนอาจจะต้องมีการส่ง หรือจัดการงานให้ลูกค้าหรือ มากกว่า 1 คน ต่อวันก็ได้ อย่างผมถ้าตารางงานปกติ ผมจะมีลูกค้าที่ต้องทำงานให้ในแต่ละวัน อย่างน้อย 3 คน ไม่เคยต่ำกว่านั้นในตารางงานบนปฎิทิน และนี้คือสิ่งที่ลูกค้าจะต้องทำความเข้าใจว่า ถ้าลูกค้าเฉยเมยต่อการปฎิสัมพันธ์ เช่น การตอบกลับถึงการแก้ไขงาน การบรีฟงานการสรปุงานหรืออื่น ๆ ในวันและเวลานั้น ๆ ผ่านไปแล้ว ลูกค้าจำเป็นที่ต้องอดใจรอชั่วไมง หรือวันถัดไปในการที่จะพูดคุยรายละเอียดข้อมูลหรือการจัดการงานนั้น ๆ ได้อีก สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำลูกค้าก็คือ ช่วยให้ความสำคัญในการโต้ตอบ ต่าง ๆ และการตัดสินใจในขั้นตอนต่าง ๆ อย่าให้ต้องล่าช้าจนเกินงาม
กรณีที่น่าเอือมระอาอย่างมากที่ผมเคยเจอคือ เมื่องานเสร็จและทำการส่งงานในตรวจสอบเพื่อรอคำปรับปรุง แก้ไขจากลูกค้า แต่ปรากฎว่า ลูกค้าหายไปเป็นอาทิตย์ ๆ แล้วถึงจะติดต่อกลับมา แบบนี้ลูกค้าจะต้องทำใจยอมรับให้ได้เหมือนกันนะครับที่ว่าการปรับปรุงหรือการแก้ไขงานนั้น ๆ ก็จะต้องมีการจัดการ และส่งให้ตรวจสอบกันในคิวถัด ๆ ไป เหตุผลก็เพราะ เราไม่สามารถที่จะมามัวรอลูค้าอยู่ได้หรอกครับ เพราะเราไม่ได้มีคุณลูกค้าเพียงแค่คนเดียว! ที่กำลังรองานจากเราอยู่นั้นเอง
ทั้ง 7 ข้อที่กล่าวมานี้ ถ้าได้อ่านแบบผ่าน ๆ ตีความไม่แตก ซึ่งจริง ๆ มันมีอีกเยอะมากกว่า 7 ข้อตรงนี้ อาจจะมองได้ว่าฟรีแลนซ์อย่างเราเอาแต่ใจตัวเอง หรือไม่ง้อไม่แคร์ต่อลูกค้าซักเท่าไหร่ ซึ่งอันที่จริงแล้ว เราแคร์ครับ และพยายามทำให้ทุกอย่างเพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจในการใช้บริการเสมอมา แต่มันเหมือนเป็นข้อจำกัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ฟรีแลนซ์แต่ละคนจะมีปัญหาเหมือน ๆ กัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ปัญหาที่เกิดมันจะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของเวลา ราคา และวิธีการดำเนินงานที่ฟรีแลนซ์แต่ละคนได้ตั้งกฎเอาไว้เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้ตัวเองไม่เป็นโรคประสาท เสื่อมสุขถาพใจและกายไปซะก่อนเท่านั้น และเป็นการทำความตกลงให้อยู่ตรงกลางแบบพอดีระหว่างลูกค้าและฟรีแลนซ์เท่านั้นเองครับ